ความแตกต่างระหว่างเครื่องชั่งในห้อง Lab กับเครื่องชั่งอุตสาหกรรม
1. วัตถุประสงค์หลักต่างกัน
Lab Balance เน้นการวิจัย วิเคราะห์สูตร และตรวจสอบองค์ประกอบเคมี จึงต้องวัดน้ำหนักจิ๋ว ๆ ได้อย่างแม่นยำสุด ๆ
Industrial Scale ออกแบบให้รองรับโหลดสูงและทนสภาพการผลิตจริง เช่น ชั่งสารตั้งต้นบนสายพาน, ชั่งบิ๊กแบ็ก, หรือตวงสินค้าบรรจุหีบห่อ
2. ดีไซน์กับวัสดุ
ห้อง Lab ใช้โครงสร้างน้ำหนักเบาเพื่อลด hysteresis และมีกระจกกันลมเพื่อลดผลของอากาศพาความร้อน
งานอุตสาหกรรมใช้โครงเหล็กหรือสเตนเลสหนา ทนการกัดกร่อน ฝุ่น และแรงกระแทกจากรถโฟร์กลิฟต์
3. ช่วงและสเกล
ใน Lab อาจต้องอ่าน 0.1 mg สำหรับปรุงสาร 0.5 g
ในโรงงานอาจต้องชั่ง 2,000 kg ในถังผสม โดยยอมรับอ่านละเอียด 100 g
4. ความแม่นยำ vs. Robustness
Lab Balance ใช้เทคโนโลยี Electromagnetic Force Compensation (EMFC) จึงคงค่าการชั่งแม้โหลดเล็ก
Industrial Scale ใช้ strain-gauge load cell; จุดแข็งคือรองรับโอเวอร์โหลด 150 % และยังทำงานแม้เกิด shock load
5. สิ่งแวดล้อมและการติดตั้ง
ห้องปฏิบัติการควบคุมอุณหภูมิ/ความชื้นและติดตั้งบนโต๊ะกันสั่น
ในสายการผลิตต้องวางบนพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กหรือกรอบฐานสแตติก พร้อมจุดระบายไฟฟ้าสถิตและสายดิน
6. การสอบเทียบ (Calibration)
Lab Balance ใช้มวลเทียบ Class E2 หรือ F1 ตาม OIML R111
Industrial Scale ใช้มวลทดสอบ 20 kg / 500 kg หรือรถบรรทุกน้ำหนักสำหรับรถบรรทุกชั่ง (weight truck)
7. อินทิเกรชันข้อมูล
Lab Balance ต่อเข้าซอฟต์แวร์ LIMS เพื่อเก็บข้อมูลการทดสอบแบบ GMP/GLP
Industrial Scale เชื่อม PLC/DCS ให้ระบบควบคุมสายการผลิตหยิบ – ชั่ง – บรรจุโดยอัตโนมัติ
8. ความคุ้มค่า (ROI)
เครื่อง Lab มีค่าใช้จ่ายต่อหน่วยต่ำเมื่อคิดต่อการทดสอบ แต่สูญเสียผลิตหากชั่งผิดเพียงไม่กี่ mg
สเกลอุตสาหกรรมช่วยลดของเสียและเวลาหยุดไลน์ แม้ต้นทุนติดตั้งสูง แต่คืนทุนเร็วผ่านการลดโอเวอร์ฟิลและปรับปรุงประสิทธิภาพ
สรุป
หากต้อง “รู้ให้ชัด” ในระดับมิลลิกรัม → เลือก เครื่องชั่ง Lab
หากต้อง “รับน้ำหนักจริงจัง” และทนงานผลิต → เลือก เครื่องชั่งอุตสาหกรรม
หลายโรงงานจึงใช้งานทั้งสองประเภทควบคู่กัน: ชั่งหยาบในกระบวนการและยืนยันปริมาณเล็ก ๆ ใน QC Lab เพื่อควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำอย่างครบวงจร